Tales Of Destiny 2
สำหรับเวอร์ชั่น PS2&PSP
สมัยช่วง PS2 ออกใหม่ๆ ตอนนั้นเกมดังๆอย่าง Final Fantasy X International หรืออะไรก็แล้วแต่อย่าง Star Ocean 3 ได้เปิดตัวและออกกันถี่มากๆ ผมจำไม่ได้ด้วยสิว่าถอยเกมนี้มาพร้อมกับอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือ ผมถอยมาพร้อมๆกับ Star Ocean 3 แน่นอนว่า ตอนแรกด้วยกระแสที่ตอนนั้น SO3 ยังไม่ออกภาค DC (Director's Cut น่ะแหละ)ผมเลยแตะ Star Ocean 3 ไปก่อน และพบว่าทำไมการต่อสู้ช่วงแรกมันอืดอาดเช่นนี้ และแล้วก็ปิดเกม จากนั้นมาเปิด Tales Of Destiny 2 แผ่นนั้นแหละ เมื่อเทียบกันแล้ว โอ้นี่สิ ใช่เลย ฉากสู้แบบนี้แหละ และ ไวแบบนี้แหละไม่อืดอาด โหลดไม่นาน นี่สิ ตามแบบฉบับทีมงานเทลส์สตูดิโอ (และทีมงานที่ทำให้กับลายเส้นของอ.มุตสึมิ จะทำเกมแบบ 2D และโหลดเร็วตัดฉากเร็วมาก แต่เสียดายที่แทบจะไม่ค่อยออกเวอร์ชั่น US เลยซักที จนทำให้สาวกบางคนต้องรอเก้อกันต่อไป)
สำหรับภาคนี้ ถือได้ว่าเป็นภาคที่ 4 (ถ้านับเฉพาะภาคหลักนะ ไม่นับภาคเสริมอย่าง Narikiri หรือ Fandom ) ซึ่งตอนที่ผมเล่นครั้งแรก มันให้ความรู้สึกแบบเดียวกับช่วงท้ายๆเกมของ Tales Of Eternia (นั่นคือมันอลังการแบบตอนท้ายๆ ทั้งๆที่อยู่ในแค่ช่วงต้นเกมนั่นเอง) แรกๆ แน่นอนผมชวนเพื่อนผมมานั่งเล่นด้วยล่ะ เพราะเกมนี้การต่อสู้สามารถบังคับได้สูงสุดถึง 4 คนเลยทีเดียว ที่สำคัญคือ ตัวละครที่ใช้สำหรับบู้ประชิดมีเยอะพอสมควรเชียวล่ะ
สำหรับภาคนี้ ได้ลงครั้งแรกให้กับ PS2 และหลังจากนั้นก็หลังจากครบรอบ 10 ปี Tales Of Series ก็ได้วางโครงการสำหรับพอร์ตรีเมคลงให้กับ PSP ซึ่งได้เพิ่มอะไรหลายๆอย่าง เช่น หนังสืออิลลัสที่มีลายเส้นออกแบบตัวละครของอ.มุตสึมิ รวมไปถึงรูปแบบตัวเกมอื่นๆที่จำเป็นต้องปรับขนาดให้เข้ากับ Wide Screen นั่นเอง
เนื้อเรื่องโดยย่อ
ไคล์ เด็กหนุ่มซึ่งเป็นลูกของสตัน(ตัวเอกจากภาค Destiny) ต้องการที่จะผจญภัยไปทั่วโลกในฐานะผู้กล้า ซึ่งในอดีตพ่อและแม่ของตัวเองเคยทำไว้เช่นกัน โดยโรนี่ได้กลับมาจากการเดินทางตระเวนรอบโลกและไคล์คิดจะติดตามไปด้วย จนกระทั่งพบเลนส์ที่มีราคา 3ล้านกัลด์ แต่จู่ๆเลนส์ก็เกิดแตกสลาย ข้างในมีเด็กสาวคนนึงซึ่งเอ่ยปากอยากจะตามหาผู้กล้า แต่ทว่าไคล์ยังไม่มีคุณสมบัติของผู้กล้า ทำให้เครื่องรางของเด็กสาวผู้นั้นไม่ส่องสว่างออกมา เขาได้เจอกับนักดาบปริศนาที่แม้กระทั่งชื่อยังต้องให้ไคล์เป็นคนตั้งให้ และการเดินทางข้ามเวลาเพื่อแก้ไขอดีต เพื่อแก้ชะตากรรมที่เคยทำให้พ่อของเขาต้อง(ตาย)หายสาบสูญไปกลับคืนมา และนี่คือการผจญภัยในนิยายบทหนึ่งซึ่งต่อจากบทที่แล้วนั่นเอง
ระบบการต่อสู้
LMBS มันก็คือ Linear Motion Battle System เป็นแบบการสู้ 2D แต่ภาคนี้ได้ตั้งชื่อระบบนี้ใหม่เป็น Trust&Tactical Linear Motion Battle System ซึ่งแบ่งเป็น 2 ฝั่ง นั่นคือฝั่งฝ่ายเราและฝ่ายศัตรูนั่นเอง ในการต่อสู้นี้จะมีค่า Hp แน่นอนถ้าหมดคือตาย เกจสีฟ้าๆที่อยู่ตรงกลางนั่นคือ SP นั่นเอง เกจนี้แทนค่าความเหนื่อย (ตอนแรกผมเล่น SO3 เลยจับจุดได้ว่า มันคล้ายๆกันก็ตรงนี้แหละ) โดยเกจนี้เมื่อฟันธรรมดาหรือใช้ท่าไม้ตาย ก็จะลดลง แต่เมื่อหยุดใช้ท่า ก็จะเพิ่มขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ส่วนเกจที่อยู่ข้างล่างสุดสีเหลืองคือเกจ TP น่ะเอง เป็นคล้ายๆกับค่าใช้งานของสกิลต่างๆพวกท่าไม้ตายรวมทั้งเวทมนตร์ด้วย โดย TP จะมีให้คนละ 100 แต่อัตราการใช้งาน TP จะขึ้นอยู่กับท่าไม้ตายนั้น ซึ่งรายละเอียดต่อไปจะอยู่ที่ระบบ Enchant
ระบบ Enchant
ระบบนี้จะรองรับมากกว่าภาคก่อนๆ และเป็นระบบที่ผมเองก็คิดว่าดีสุดจริงๆ เพราะมันแสดงให้ถึงการฝึกฝนของตัวละครนั่นเอง อธิบายคร่าวๆคือ ยิ่งฝึกท่าเยอะๆ หลายๆครั้ง ก็จะยิ่งติดตั้งความสามารถให้กับท่าไม้ตายต่างๆได้ เช่นว่า ฝึกการใช้งานเวทมนตร์สโตนซันเบอร์ไปซัก 100 ครั้ง ก็สามารถติดตั้งลดการใช้ TP ระดับ 2 ได้ประมาณนั้น นอกจากนี้การติดตั้งจะมี 2 แบบนั่นคือ Arms ก็คือการเสริมท่าไม้ตายให้แสดงผลได้เลย เช่นว่าลดการใช้ TP ใช้ท่านั้นๆแล้วทำให้ศัตรูติดพิษเป็นต้น และ Action ก็คือการติดตั้งเพื่อส่งผลให้การโจมตีของเราสามารถออก Action ในท่าอื่นๆได้อย่างต่อเนื่อง เช่นว่าท่าไม้ตายของไคล์ โซฮะจิน เมื่อติดตั้ง Action เพิ่มเติมอย่างท่าต่อเนื่อง ก็จะทำให้โจมตีด้วยท่าต่อ 2 ครั้งเป็นต้น
ในส่วนของท่าลับนั้น ก็เช่นเดียวกัน ต้องฝึกก่อน พอฝึกแล้วก็ติดตั้งฮิอูกิ ก็จะสามารถใช้ท่าลับต่างๆนั้นได้นั่นเอง
ระบบทำอาหาร
ภาคนี้พิศดารกว่าภาคอื่นๆ (จริงๆนะ) นั่นคือเมนูอาหารของเราสามารถปรับแต่งรีซิปเองได้นั่นเอง พูดง่ายๆคือ สามารถเลือกวัตถุดิบทำอาหารได้เอง ถ้ารู้สูตรก็ไม่จำเป็นต้องหาเชฟเพื่อเรียนรู้การทำอาหารอีกต่อไป เมนูอาหารภาคนี้สูงถึง 36 เมนูเชียวล่ะ แต่นั่นก็ยังไม่นับ เมนูพิเศษอื่นๆด้วยที่เราปรุงแต่งขึ้นมา
แน่นอนว่าอาหารที่เราทำ อย่างข้าวไข่เจียว (ออมไลซ์) เมนูจะมีพวกข้าว ไข่ และ กระเทียม แต่ถ้าเราไปแก้รีซีปให้ใส่พวกเนื้อ ก็จะได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น หรือถ้าใส่อะไรแปลกๆลงไป ก็จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอีกอย่างนึง
ระบบฉายา
สำหรับภาคนี้ระบบฉายา ถือเป็นระบบหนึ่งที่ใช้จำเป็นสำหรับการพัฒนาตัวละคร เนื่องจากว่า ฉายาในภาคนี้จะส่งผลให้เมื่อ Lv Up จะสามารถเพิ่มสเตตัสบางส่วนโดยค่าหลักๆจะเพิ่มตามปกติ แต่ถ้าเราติดฉายาไว้ จะเป็นการเบี่ยงค่าสเตตัสที่เราต้องการเพิ่มให้มากขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการให้อัตราการร่ายเวทของเราเพิ่มอย่างมาก ก็จำเป็นต้องติดฉายาเกลียดกุมิ ไว้ก่อน Lv Up เป็นต้น
ระบบแชท
แชทในภาคนี้จะอยู่ในรูปแบบเกือบเต็มตัว ก็ประมาณว่าตัวละครออก Acting ได้ว่างั้น เราสามารถดูอิริยาบถตัวละครไปพร้อมกับมุขฮาๆ (ถ้าอ่านออกน่ะนะ)
คัทอิน
คัทอิน ได้เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ Tales Of Eternia เป็นต้นมา สำหรับ Tales Of Destiny 2 ก็ได้เพิ่มมาเช่นกัน แต่ทว่าพอรีเมคพอร์ตลง PSP ก็เปลี่ยนซะ สุดยอดจริงๆ การใช้งานก็คงไม่เหมือนเมื่อตอน Eternia แน่ๆ คือต้องให้เกิด Spirit Blaster ขึ้นมาก่อนและต้องติดตั้งฮิอูกิลงในท่าไม้ตายอูกิเสียก่อนจึงจะใช้ได้นั่นเอง
ออร่าที่เรืองแสงรอบตัว นี่แหละ Spirit Blaster ล่ะ
เมนูหน้าต่างสเตตัสและการพัฒนาตัวละคร
เป็นภาคเดียว(อีกแล้ว)ที่เปลี่ยน Image ตัวละครได้ด้วย ในฉากหน้าจอสเตตัส ถ้าไม่นับการเปลี่ยนแบบแรนด้อมของ Tales Of Destiny ของ PS น่ะนะ ซึ่งเทียบความแตกต่างกันเห็นๆแบบฉะนี้แล (แต่ความจริงใน Tales Of Rebirth มันก็เปลี่ยนได้น่ะนะ แต่ว่ากว่าจะเปลี่ยนได้ก็ต้องทำเหตุการณ์ช่วงท้ายๆเกมไปแล้ว)
ความแตกต่างสุดๆ
จากสเตตัสเราคงเห็นแล้วว่า มันมีรูปแสดงของสี่เหลี่ยม 2 อันอยู่กลางล่าง นั่นคือกราฟพัฒนาตัวละครนั่นเอง
โดยกราฟนี้จะแสดงให้ดูว่า ตัวละครของเราพัฒนาไปทางด้านใดด้าน โดยเส้นสีขาวคือระดับ สีม่วงคือเปอร์เซ็นต์ของการพัฒนาที่เบี่ยงเบนไป
ส่วนนี้สำคัญอย่างไร นั่นคือ การ Lv Up จะส่งผลให้ Lv เหล่านี้ Up ตามไปด้วย ซึ่งจะมีผลต่อท่าไม้ตายที่จะได้มาด้วยเช่นกัน เช่นว่าเวทเกี่ยวกับธาตุดินอย่างแอร์เพรชเชอร์ ถ้าเราต้องการเรียนรู้ของบางตัวละคร ในเมนู Enchant จะมีบอกไว้ว่า ขาดความสามารถด้านใด ไปกี่ขั้น ส่วนนี้เราสามารถพัฒนาได้ด้วยการเบี่ยงค่าความสามารถนั่นเอง
โดยความสามารถจะมี 4 รูปแบบคือ
Attack การโจมตีปกติ
Chain การโจมตีต่อเนื่องร่วมกับผู้อื่น
Skill การใช้สกิลท่าไม้ตายต่างๆ
Magic การใช้เวทมนตร์ต่างๆ
และกราฟอีกอันจะแสดงพารามิเตอร์ความถนัดเวทมนตร์ธาตุต่างๆของตัวละคร ซึ่งจะมีผลต่อเวทมนตร์เท่านั้น โดยแต่ละคนจะถนัดแค่ 4 ธาตุ
ระบบเกรดและเทคนิคัลสแมช
เทคนิคคัลสแมชคือระบบที่รองรับโบนัสในการต่อสู้ เมื่อกำจัดมอนสเตอร์ได้ เช่นว่ากำจัดตอนเกิด Spirit Blast หรือ โจมตี 4Chain ในส่วนนี้ส่งผลให้ %ที่ไอเท็มจะตกเพิ่มขึ้นอีกด้วย และยังส่งผลให้เกรดที่ได้ตอนจบเกมเพิ่มขึ้น
เกรด คือระบบที่ใช้สะสมเพื่อนำไปใช้เป็นโบนัสเมื่อเริ่มเกมใหม่ สำหรับภาคนี้ ถ้าเล่นจบแค่รอบเดียว มันยังปลดล๊อคสิ่งต่างๆไม่ครบหรอก ต้องรอบ 2 - 3 เป็นต้นไป แน่นอนว่าถ้าเราไม่มีเกรดเลย ก็จะซื้อสิ่งของในร้านเกรดไม่ได้ เช่นพวก exp x 2 หรือ สืบทอดจำนวนการใช้ท่าไม้ตายเป็นต้น
มินิเกมและอื่นๆต่างๆในเกม
มินิเกมยังถือว่าทำไม่ค่อยดีเท่าไหร่เช่นมินิเกมเปิดไพ่ มินิเกมดันลัง มินิเกมขับเรือเหาะเก็บเลนส์ ที่สำคัญ มีหัวข้อควิซ ซึ่งจะถามคำถามแฟนพันธ์แท้ของ Tales Of ในภาคก่อนๆอีกด้วย เช่นภาค Phantasia หรือ Destiny หรือ Eternia ซึ่งตรงนี้ถ้าอ่านไม่ออก ก็ตอบยากละครับ เพราะเน้นให้ตอบให้ถูกทั้ง 10 ข้อ ที่สำคัญ มันแรนด้อมแถมให้เวลาตอบอีก ไม่ไหวๆ
BGM&Sound&Voice
สำหรับ BGM ผมว่าภาคนี้หลากหลายมากครับ เพราะการต่อสู้ในช่วงแต่ละยุค BGM จะเปลี่ยนตลอด ทำให้ตัวเกมไม่น่าเบื่อกับ BGM แบบเดิมๆ และแน่นอน แต่ละ BGM ก็เข้ากับบรรยากาศในยุคนั้นๆจริงๆ
Sound Effect สำหรับภาคนี้ยกนิ้วโป้งให้เลยว่า มันเยี่ยมแฮะ โดยเฉพาะเอฟเฟคเวลาลงเวท Tier ระดับ 3 อย่าง Ancient Nova ตูมทีนึงสนั่นจริงๆ นอกจากนี้พอซัมม่อนพวกผลึกภูติออกมานี่ แต่ละตัว เสียงประกอบให้อารมณ์มากๆ
Voice พวกเสียงพากษ์ก็ไม่แพ้กันเลยล่ะ เล่นๆไปบางทีติดลมจะตะโกนชื่อท่าออกมาพร้อมกันได้เลยจริงๆ (ทำไมเป็นเฉพาะภาคนี้ภาคเดียวก็ไม่รู้สินะเราเนี่ยะ)
มุมกล้อง
สำหรับ World Map มุมกล้องยังเป็นจุดบอดอยู่เยอะ แต่ดีที่พอพอร์ตลงมา PSP ได้แก้ไขจุดเหล่านี้ด้วยกับปรับเปลี่ยนเอาใน Option ได้ เลยทำให้ไม่ขัดใจเท่าไหร่ แต่ถ้าลองเล่น PS2 จะขัดใจในช่วงบางช่วงที่เราต้องวิ่งเข้าไปในร่องภูเขา มุมกล้องจะอับจะหมุนรอบๆแล้วมองระยะไกลไม่ได้ นี่ก็เป็นข้อเสียโดยประมาณ
มุมกล้องในเมือง คิดว่าคงไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ มีแค่ซูมกับไม่ซูม แต่ภาพก็ไม่แตกเท่าไหร่นะ ละเอียดดีมาก
มุมกล้องในฉากสู้ ผมชอบจุดเดียว ตอนร่ายเวทเสร็จ มันจะซูมไปที่ตัวละครที่ร่ายเวทแล้วปล่อยออกมา ทำให้ตัวละครทุกคนเด่นหมด (ชอบตรงนี้ที่สุด เพราะว่าภาคหลังๆ จะไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว)
ความยากง่ายของเกม
สำหรับภาคนี้ ความยากเต็ม 5 ดาว จัดให้อยู่ในระดับ 4 ดาวครับ เพราะยากจริงๆน่ะแหละ เล่นครั้งแรก ใครไม่เคยใช้ไอเท็มฟื้นฟู Hp Tp เลย แสดงว่าเจ๋งจริงๆ เพราะฝ่ายตรงข้าม โจมตีแรงพอสมควร ฝ่ายเราแม้ตัวฟื้นฟูเยอะ แต่การฟื้น Tp ก็ไม่ได้เยอะตามเท่าฝ่ายตรงข้าม เวลาสู้หนึ่งครั้งไม่ควรยืดเยื้อจริงๆ ยิ่งถ้าได้เจอบอสด้วย บอสแต่ละตัว ประมาทนิดเดียวจบเกมได้ทันทีจริงๆ
แน่นอนว่าระดับความยากของเกมมีตั้งแต่
Easy - Normal - Second - Hard - Mania - Unknown
ไล่จากง่ายมายากแบบนี้เลยแหละ
ความแตกต่างระหว่าง PS2 และ PSP
คร่าวๆคือ PS2 จะเป็นแบบออริจินอลอยู่แล้ว แต่ที่พอร์ตลง PSP ได้เพิ่มสิ่งต่างๆที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- คันอินที่เปลี่ยนไป ตามที่เห็น
- ระบบฉายา จากเดิมที่พอเปลี่ยนแล้ว ค่าลบของ Status จากเวอร์ชั่นเดิมได้ทำการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับผู้เล่น
- การใช้งานปุ่มใน World Map เนื่องจาก PSP ปุ่มน้อย เลยต้องเพิ่มฟังก์ชั่นด้วยการใช้ปุ่ม สี่เหลี่ยม ควบคู่ไปกับปุ่มทิศทางหรือ L และ R เพื่อใช้ในการค้นหาของตามแผนที่ จากเดิมปกติจะใช้ปุ่ม L2 หรือ R2 และคันโยก R3 นั่นเอง
- หนังสือไลบรารี่ คล้ายๆกับคลังเก็บหนังสือ ส่วนนี้มีประโยชน์จากเดิมคือไม่ต้องไปนั่งเลือกไอเท็มในช่องเมนูไอเท็มอีกแล้ว มาเลือกเอาตรงหัวข้อนี้ได้เลย และที่สำคัญ มีหนังสือสะสมอิลลัสเพิ่มมา ไว้สำหรับสะสมรูปตัวละครที่อ. มุตสึมิเป็นคนวาดไว้นั่นเอง
- บอสที่เพิ่มขึ้นมา แน่นอนว่าได้เพิ่มบอสเช่นเหล่าตัวละครจาก Destiny แน่นอนว่าบอสเหล่านี้ก็จะมีให้สู้ด้วยแน่ๆ
- ไอเท็มพิเศษใหม่ๆ เช่นแชลเทียมิราจที่ทำให้ท่าลับของจูดัสมีอัตราการติด 100% เป็นต้น
สำหรับคะแนนผมไม่ให้ล่ะครับ เพราะมันบรรยายเป็นคะแนนไม่ได้ ที่เหลืออยู่ที่ผู้เล่นครับว่าจะสนุกกับเกมได้ถึงไหน ถ้าเล่นไม่สนุก ก็ไม่ได้บอกว่าให้เล่นต่อ อยู่ที่ผู้เล่นทั้งสิ้นครับ
No comments:
Post a Comment